สวัสดีครับช่วงนี้เข้าสู่หน้าฝนกันแล้วนะครับ บรรยากาศบ้านเราก็ค่อยเย็นลง พอๆกับบรรยากาศทางการเมือง แต่เรื่องที่จะมาคุยวันนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับแมงมุมครับ สืบเนื่องจากมีข่าวชายหนุ่มคนหนึ่งโดนแมงมุมกัดแล้วไม่รีบมาพบแพทย์จนอาการรุกรามจนต้องนำเข้า ห้อง "ไอ. ซี. ยู"และต้องเฝ้าดูอาการตลอด24ชั่วโมง ซึ่งแพทย์ได้ส่งซากของแมงมุมไปตรวจซึงคราดว่าน่าจะเป็นแมงมุมแม่หม้ายน้ำตาลเพราะถ้าเป็นแมงมุมแม่หม้ายดำอาการน่าจะแรงกว่านี้
(ภาพแมงมุมแม่ม่ายน้ำตาล)
(ภาพแมงมุมแม่ม่ายดำ)
บนโลกกลมๆของเรามีแมงมุมราวๆ40,300ชนิดและในไทยเรานั้นมีประมาณ500ชนิด แมงมุมที่มีพิษร้ายแรงประเภทกัดคนถึงตายได้คือ แมงมุมแม่หม้ายดำ
ตัวเมียมีลำตัวสีดำเป็นมัน ลวดลายสีแดงหรือส้ม
เป็นรูปคล้ายนาฬิกาทรายบริเวณท้อง ขนาดตัวโตเต็มวัยกว้าง 6.8 ยาว 38
มิลลิเมตร เพศผู้โตเต็มวัยยาวไม่น้อยกว่า 7.5 มิลลิเมตร
แมงมุมแม่ม่ายดำมีช่วงชีวิตได้นานถึง 5 ปี พบได้ตามห้องเก็บของ รองเท้าเก่า
ที่ไม่ได้ใช้ มีพิษเป็นอันตรายต่อระบบประสาท ในประเทศไทยมีพบในบางจังหวัด
โดยพิษแมงมุมแม่หม้ายดำประกอบด้วยสารพิษและสารเคมีหลายชนิด
สารพิษที่สำคัญได้แก่ latrotoxins
ซึ่งถูกปล่อยผ่านโครงสร้างซี่งมีความยาวประมาณ 1 มิลลิเมตรในแมงมุมเพศเมีย
แม้ว่าจะมีความเป็นพิษสูง ซึ่งจากการศึกษาพบว่า
มีความเป็นพิษมากกว่าพิษงูหางกระดิ่งกว่า 15 เท่า
แต่เนื่องจากปริมาณพิษที่ออกมาแต่ละครั้ง
มีปริมาณน้อยและอาจดูดซึมกระจายเข้าสู่ร่างกายได้น้อย ดังนั้น
ผู้ป่วยที่โดนกัดโดยทั่วไป จึงมักไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต
อย่างไร
ก็ตาม
มีรายงานผู้เสียชีวิตจากแมงมุมแม่หม้ายดำในประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่เสมอ
โดยอาการเจ็บป่วยจากพิษแมงมุมแม่หม้ายดำ จะมีอาการปวดคล้ายมีเข็มทิ่ม
ทำให้ผิวหนังบริเวณที่ถูกกัดมีอาการบวมแดงได้ถึง 15 เซนติเมตร ขนลุก
ปวดกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย กล้ามเนื้อเกิดการพลิ้วสั่น
ในรายที่มีอาการปวดมาก อาจเกิด painful muscle cramp
โดยเฉพาะกล้ามเนื้อท้องและกล้ามเนื้อขา นอกจากนี้ยังมีอาการปวดศีรษะ
ชีพจรเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง เหงื่อออกมาก น้ำลายไหลเพิ่มขึ้น คลื่นไส้
อาเจียน อาจมีอาการชา ชัก อาการอ่อนแรง หายใจลำบาก บางรายมีความรู้สึก
pavor mortis นอกจากการเกิดพิษจากการกัดแล้ว
ยังมีรายงานการเกิดพิษจากการที่เศษแมงมุมที่ถูกบี้ทำลาย แล้วปลิวเข้าตา
ทำให้เกิดเยื่อบุตาและเนื้อเยื่อตาโดยรอบอักเสบบวมแดงด้วย
เมื่อโดนแมงมุมมีพิษกัดเราควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อจะได้รับการรักษาที่ทันถ่วงที อย่าปล่อยเอาไว้จนอาการรุกรามเพราะเมื่อถึงตรงนั้นแล้วยากต้องการรักษานะครับ
อ้างอิงข้อมูลจาก:http://www.thairath.co.th/content/337832
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น